Song of Love :บท เพลงสัญญารัก - Song of Love :บท เพลงสัญญารัก นิยาย Song of Love :บท เพลงสัญญารัก : Dek-D.com - Writer

    Song of Love :บท เพลงสัญญารัก

    เรื่องนี้ผมแต่งขึ้นในโครงการประกวด "หยดหมึกสานฝันฯ" ของ CGN เป็นเรื่องที่ผมแต่งขึ้นมาจากAudition สนองตัญหาที่อยากแต่งรักซึ้งๆบ้าง ไม่รู้จะน้ำเน่าไปรึเปล่านะ

    ผู้เข้าชมรวม

    591

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    591

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 เม.ย. 51 / 21:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Song of Love: บทเพลงสัญญารัก Special Edition: Will of Memory 

      “ซาโลเม่ เสียงดีจังเลย!” เสียงเด็กชายวัย 11 ปีเอ่ยชม เด็กหญิงผมสีน้ำตาลแดงที่กำลังฝึกร้องเพลงให้เขาฟัง เธอยิ้มรับคำชมนั้นพลางยื่นมือออกไปจับมือของเด็กชาย 

      “ที่จริง! ฮายาเตะเองก็เต้นเก่งนะ” เด็กสาวชมบ้าง ใบหน้าของทั้งคู่เริ่มแต้มสีแดงระเรื่อ 

      “หากฉันโตขึ้น! ฉันอยากจะเป็นนักร้องล่ะ!” ซาโลเม่เอ่ย 

      “ฮายาเตะต้องมาเต้นให้ฉันนะ! ” เธอเอ่ยเสียงใส เด็กชายพยักหน้ารับทันทีพร้อมรอยยิ้ม 

      “เธอสัญญากับฉันแล้วนะ!” 

      “ครับ! ผมสัญญา” 
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “กริ๊ง!!!!!!” เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำให้หญิงสาวที่หลับไหลให้ตื่นขึ้นจากนิทรา เธอลุกขึ้นช้าๆพลางใช้มือลูบผมสีน้ำตาลแดงที่กระเซิงให้เรียบร้อย 

      “ฝันอีกแล้วซินะ!” หญิงสาววัย17เอ่ยกับตนเองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อเรียกความสดชื่นให้กลับมา 

      “6 ปีแล้วเหรอ!” เธอเปรยเบาๆ “ฉันยังรอสัญญาเธออยู่นะ ฮายาเตะ” 
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ในบ้านหลังเล็กๆไม่ไกลจากบ้านของหญิงสาวผมน้ำตาลผู้งดงามนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความรีบร้อน “ผมไปก่อนนะครับ! แม่!”
       
      “เดี๋ยวลูก! แล้วข้าวเช้าล่ะ!” 

      “ไม่ดีกว่าครับ! ผมลาเลยละกันนะครับ” ขาดคำของเขาก็ผลุนผลันวิ่งออกไปทันที โดยมีสายตาของแม่มองตามหลังไปด้วยความอ่อนโยน ทันทีที่บุตรชายลับสายตาเธอก็หันกลับไปจัดการกับห้องที่รกและเต็มไปด้วยรูปนักร้องลูกครึ่งไทย – เยอรมัน ผมสีน้ำตาลแดงคนงามของลูกชาย 

      “แย่แล้ว! เจ็ดโมงกว่าแล้ว! สายๆๆๆๆๆๆ….โอ๊ย!” 

      “ว๊าย!” เสียงร้องอุทานดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มวิ่งชนหญิงสาว ร่างของทั้งสองล้มลงกับพื้น
       
      “ขะ…ขอโทษนะครับ!” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า สายตาของทั้งคู่ประสานกันโดยไม่ตั้งใจ ใบหน้าของคู่กรณีนั้นทำให้เขาตื่นตกใจ 

      “ซะ…ซาโลเม่” 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      “ไม่คิดว่าจะได้เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยแถวนี้นะคะ” ซาโลเม่นักร้องดังนิสิตใหม่เอ่ยกับชายหนุ่มที่วิ่งชนเธอ เขาได้แต่นิ่งเงียบจนหญิงสาวเองรู้สึกผิดปรกติ
       
      “เป็นอะไรรึเปล่าคะ!”

      ”ผะ..ผม…ผมไม่ได้เป็นอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยช้าๆ 

      “แต่เอ๋! ฉันรู้สึกคุ้นๆหน้าคุณจังเลย!”หญิงสาวเอ่ยพลางมองใบหน้าของเพื่อนใหม่ 

      “หน้าของคุณคล้ายกับเพื่อนของฉันที่ย้ายออกไปเมื่อ 6 ปี ที่แล้วเลย” ซาโลเม่กล่าว แต่คู่สนทนาสะดุ้งเล็กน้อย 

      “ผมพึ่งจะย้ายมาอยู่แถวนี้เองนะครับ! สงสัยคุณซาโลเม่คงจำคนผิดแล้วล่ะครับ!” 

      “นั่นซินะ!” หญิงสาวเหม่อออกไปข้างหน้ากล่าวลอยๆ “ก็เขาย้ายไปตั้ง 6 ปีแล้วนี่นะ!” 

      คำพูดลอยๆของหญิงสาวนั้นกลับจี้ใจดำของชายหนุ่มอย่างประหลาด เขานิ่งเงียบไปยิ่งกว่าเดิม 

      “เดินมาจนถึงมหาวิทยาลัยแล้ว! ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย!” ซาโลเม่หันกลับมายิ้มให้ชายหนุ่ม เขาใช้เวลาเล็กน้อยก่อนที่จะตอบออกไป 

      “เรียกผมว่า เจย์เถอะครับ” 

      “เจ! เหรอ!” ซาโลเม่ย้ำ
       
      “ครับ! เจย์ที่แปลว่านกกระจิบ” 

      “ชื่อน่ารักจังเลย! ฉันซาโลเม่! ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ” หญิงสาวยื่นมือมากุมมือของชายหนุ่มไว้ 

      “ช…เช่นกันครับ!” เจย์กล่าวตอบอย่างประหม่า ก่อนที่เขาและซาโลเม่จะแยกย้ายกันไปเรียนยังอาคารเรียนของตน 

      “ขอโทษด้วยนะ!” เจย์รำพึง “ที่จริงผมไม่กล้าที่จะบอกคุณว่า ผมกลับมาแล้ว! ในเมื่อสัญญาที่มีไว้กับคุณนั้น ผมยังไม่อาจทำให้มันเป็นจริงได้” 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ตอนกลางวัน ภายในโรงอาหารที่มีคนคับคั่ง เจย์นั้นนั่งทานอาหารอยู่คนเดียวพลางอ่านหนังสือเตรียมตัวสำหรับวิชาที่จะต้องเข้าเรียนต่อไป 

      “ขอโทษนะครับ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้ทักทาย สิ่งที่เขาเห็นคือ ชายหนุ่มสวมแว่นหน้าตาดีคนหนึ่ง มือถือถาดอาหารและกำลังมองมายังที่ว่างที่อยู่ด้านตรงข้ามกับเขา 

      “ไม่ทราบว่าตรงนี้มีคนนั่งอยู่รึเปล่าครับ” เขาถามอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร ชายผู้ที่นั่งอยู่ก่อนเชื้อเชิญให้นั่งทันที 

      “ผมชื่อราเมศครับ! อยู่คณะเดียวกันกับคุณ” ผู้มาใหม่แนะนำตัว พร้อมรอยยิ้ม เจย์ยิ้มตอบกลับไปด้วยไมตรีเช่นกัน 

      “ผมฮายาเตะครับ!” ชายหนุ่มแนะนำตัวบ้าง เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดชื่อกับเพื่อนใหม่คนนี้ 

      “สี่ปีนี้ก็ฝากตัวด้วยนะครับ!” ราเมศเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่มีความหมายแปลกๆ แต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น 

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      หลายเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ของเจย์และซาโลเม่ก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในตอนเช้าทั้งสองคนเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน ตกเย็น เจย์หรือฮายาเตะ ก็แอบไปฝึกซ้อมการเต้น พยายามทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้สิ่งที่เขาได้สัญญาไว้กับหญิงสาวเป็นจริง 

      “ฉันเห็นนายไปที่โรงยิมบ่อยๆ! ไปทำอะไรที่นั่นเหรอ!” รามหรือราเมศถามในวันหนึ่ง คำถามที่ทำให้ฮายาเตะสะดุ้งไปเล็กน้อยเพราะไม่เคยคิดว่าจะมีคนรู้ว่าเขาไปไหนในยามเย็น 

      “ม…มะ…ไม่มีอะไร” ฮายาเตะปฏิเสธทันที แต่เพื่อนชายกลับยิ้มอย่างรู้ทัน 

      “ที่จริง! ถ้านายอยากเป็นนักเต้นจริงๆล่ะก็! ฉันช่วยนายได้นะ!” รามเอ่ยยิ้มๆ ในความเป็นจริงนั้นเขาได้ไปแอบดูการซ้อมของฮายาเตะมานานแล้ว 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “พ่อฉันเป็นกรรมการบริหารค่ายเพลงน่ะ!” รามเดินนำฮายาเตะเข้าไปในอาคารหลังโตหลังหนึ่ง ทั่วทั้งตึกตกแต่งด้วยรูปของดารานักร้องและนักแสดง รวมไปถึงนักร้องลูกครึ่งขวัญใจวัยรุ่นคนปัจจุบัน ซาโลเม่ 

      “พอดีทางเราขาดนักเต้นที่จะมาแสดงคู่กับซาโลเม่พอดี” รามเอ่ยขึ้นมา คำพูดนั้นทำให้หัวใจของฮายาเตะเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมา 

      “ใกล้แล้วซินะ” ชายหนุ่มรำพึงในใจที่พองโต 
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ทันทีที่เสียงเพลงจบลง ชายหนุ่มก็ปิดท่าการแสดงของตนได้อย่างงดงาม คณะกรรมการที่ดูแลการ Casting ตบมือด้วยความชื่นชม 

      “ฝีมือยอดเยี่ยม! “ หนึ่งในคณะกรรมการเอ่ยชม 

      “ฝึกฝนมานานแล้วซินะ” กรรมการอีกท่านชมบ้าง 

      “คุณราม! พาเพื่อนของคุณไปให้ซาโลเม่รู้จักซะสิ!”
       
      “ครับ!” รามรับคำทันทีพร้อมๆกับดึงมือของฮายาเตะออกไปจากห้องทันที ในขณะที่ผู้ถูกลากนั้นยืนนิ่งด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ จนลืมเรื่องสำคัญบางอย่าง 


      “ผมพึ่งจะรู้นะเนี่ยว่าพ่อนายเป็นเจ้าของค่ายเพลงที่ซาโลเม่สังกัดอยู่” ฮายาเตะพูดขึ้น รามยิ้มรับอย่างร่าเริงเหมือนไม่ได้ฟังเสียงของเขา จวบจนทั้งสองไปถึงห้องห้องหนึ่ง 

      “ซาโลเม่!” บุตรชายเจ้าของค่ายเพลงตะโกนเรียกหญิงสาวที่อยู่ในห้องด้วยเสียงอันดัง ทำให้การซ้อมร้องเพลงของหญิงสาวนั้นต้องหยุดชะงัก 

      “มีอะไรเหรอจ๊ะ!” หญิงสาวเอ่ยด้วยความสงสัย แต่ดูเหมือนราเมศเองจะไม่ได้ใส่ใจ 

      “พอดี ผมมี Dancer คนใหม่มาส่งน่ะ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างร่าเริงและดูสนิทสนม มือของเขาดึงแขนของผู้หลบอยู่ด้านหลังของเขานั้นให้เขาไปในห้อง
       
      “อ้าวเจย์! เธอเองหรอกเหรอ!” ซาโลเม่อุทานอย่างยินดี 

      “รู้จักมาก่อนแล้วเหรอ” ราเมศถามขึ้นด้วยความสงสัยที่ซาโลเม่ทำเหมือนเคยรู้จักกับเพื่อนของเขาผู้นี้ หญิงสาวหันมามองเขา
       
      “ใช่จ๊ะ!” เธอตอบ 

      “เจย์เขาอยู่ใกล้บ้านฉันเอง” คำพูดของหญิงสาวทำให้รามรู้สึกแปลกในส่วนของชื่อที่หญิงสาวเอ่ยขึ้น 

      “ใครเหรอ เจย์อ่ะ! คนนี้เขาชื่อ ฮายาเตะ เป็นเพื่อนร่วมคณะของผมเอง” รามเอ่ยขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขาจะทำให้บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ 

      “เพื่อนร่วมคณะ! ฮายาเตะ!” ซาโลเม่ทวนคำ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับสีหน้าของฮายาเตะ เขานึกขึ้นมาได้ว่า หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้น รู้จักเขาในนามของเจย์เท่านั้น
       
      “เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือตบหน้าของชายหนุ่มจนหน้าหัน 

      “ร้ายกาจมาก! ร้ายกาจมากนะ” ซาโลเม่ต่อว่า ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ น้ำตาเริ่มคลอหน่วย 

      “กลับมาแล้วทำไมไม่บอก! ทำไมต้องหลอกกันด้วย! ทำไม!” เธอตัดพ้อต่อว่าเสียงดัง ฮายาเตะเองก็ได้แต่นิ่งเงียบ มือของหญิงสาวสะบัดตบชายหนุ่มอีกครั้ง 

      “เธอไม่ใช่คนรู้จัก! เธอไม่ใช่ฮายาเตะที่ฉันรู้จัก!” ซาโลเม่ตวาดลั่นก่อนที่จะวิ่งหนีออกไปจากห้องทิ้งสองหนุ่มยืนนิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ 

      “นี่มันเรื่องอะไรกัน!” รามเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย เขางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ 

      “ไม่มีอะไรหรอก!” ฮายาเตะเอ่ยเสียงสั่น “มันเป็นความผิดของผมเอง!” น้ำตาของเขาเอ่อคลอ ภาพของฮายาเตะในขณะนี้ทำให้หัวใจของรามเองสั่นไหว และเจ็บปวดไปพร้อมกับฮายาเตะ
       
      “ผมไม่น่าไปปิดบังเธอเลย!” ฮายาเตะรำพันน้ำตาใสๆไหลออกมา จากวันที่สมควรจะเป็นวันที่สุขที่สุดกลับกลายเป็นวันที่เขาและหญิงสาวต้องเสียน้ำตาเพราะเสียความเชื่อใจ 

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ในสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน เด็กหญิงวัย 9 ขวบ นั่งโล้ชิงช้าพลางฮัมเพลงเบาๆ 

      “ขอเล่นด้วยได้ไหม!” เสียงของเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้น เด็กหญิงเหลียวหลังไปดู เธอก็ได้เห็นเด็กชายคนหนึ่งยืนยิ้มและรอคอยคำตอบ เด็กน้อยพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงเชิญชวนแต่แฝงไว้ด้วยความประหม่า เด็กชายถือวิสาสะเดินเข้าไปใกล้โดยทันที ก่อนที่จะนั่งชิงช้าตัวที่อยู่ใกล้ๆแล้วโล้เบาๆ 

      “ผมชื่อฮายาเตะ! แล้วเธอล่ะ! ” เด็กชายถามเด็กหญิงผมสีน้ำตาลแดงที่นั่งเคียงกัน 

      “ซาโลเม่จ๊ะ! ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เด็กหญิงตอบพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร
       ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      “ซาโลเม่ เสียงดีจังเลย!” เสียงเด็กชายวัย 11ปี เอ่ยชมเด็กหญิงผมสีน้ำตาลแดงที่กำลังฝึกร้องเพลงเพื่อนำไปประกวดในงานโรงเรียนให้เขาฟัง เธอยิ้มรับคำชมนั้นพลางยื่นมือออกไปจับมือของเด็กชาย 

      “ที่จริง! ฮายาเตะเองก็เต้นเก่งนะ” เด็กสาวชมบ้าง ใบหน้าของทั้งคู่เริ่มแต้มสีแดงระเรื่อ 

      “หากฉันโตขึ้น! ฉันอยากจะเป็นนักร้องล่ะ!” ซาโลเม่เอ่ย 

      “ฮายาเตะต้องมาเต้นให้ฉันนะ! ” เธอเอ่ยเสียงใส เด็กชายพยักหน้ารับทันทีพร้อมรอยยิ้ม
       
      “เธอสัญญากับฉันแล้วนะ!” 

      “ครับ! ผมสัญญา” 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เธอฝันเห็นครั้งแรกที่เธอและเขาได้พบกัน และคำสัญญาที่มีมาในอีก 2 ปีให้หลัง น้ำตาคลอออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ฮายาเตะจากเธอไปนานแล้ว เพราะพิษทางเศรษฐกิจที่ทำให้ครอบครัวของฝ่ายชายต้องระหกระเหิน แต่เมื่อเขากลับมา เขากลับปกปิดไม่บอกให้เธอรู้ 

      “ทำไมต้องฝันเห็นคนหลอกลวงคนนั้นอีก” ซาโลเม่เอ่ยทั้งน้ำตากับตัวเองเบาๆ 

      “ทำไมกัน!” หญิงสาวซบหน้าลงกับหมอน ร้องไห้ออกมา 

      “บ้า! บ้าที่สุด” 
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ขณะเดียวกันนั้น ฮายาเตะยังไม่กลับไปที่บ้าน เขายังคงนั่งดื่มน้ำเมาอยู่บาร์ใกล้ๆ กับอาคารที่เป็นบริษัทของบิดาของราม เขาดื่มหนักจนรามที่มาด้วยนั้นรู้สึกเป็นห่วง
       
      “ฮายาเตะ! กลับบ้านไปพักก่อนเถอะ!”
       
      “ไม่! ผมยังไม่อยากกลับ!” ชายหนุ่มดื้อดึง เขายกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง ดื่มพร้อมๆกับน้ำตา 

      “นายเมามากแล้วนะ!” ราเมศยังไม่ละความพยายาม เขาลากเพื่อนของเขาออกไปจากโต๊ะพร้อมทิ้งเงินค่าเครื่องดื่มเอาไว้ 

      “ถ้านายยังไม่อยากกลับ! นายไปค้างห้องฉันก่อนก็ได้!” รามกล่าวพลางพยุงเพื่อนรักไปที่รถของตน แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอม เขาร้องเอะอะโวยวายด้วยความรู้สึกที่อยู่ภายใน จนรามยัดร่างของเขาเข้าไปในรถพร้อมรัดเข็มขัด ฮายาเตะจึงสงบลงได้ 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      รถหรูวิ่งเข้าไปในคอนโดราคาแพงหลังหนึ่ง เจ้าของรถขับมันไปจอดยังที่ประจำ ราเมศเปิดประตูรถพลางพยุงเพื่อนที่นั่งข้างกันนั้นไปยังที่พักของตน 

      “นายไม่เคยเหลวไหลแบบนี้นี่นา!” รามรำพึงออกมาก่อนโยนร่างของฮายาเตะลงไปบนที่นอน ชายหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น นอนนิ่งไม่ไหวติง เจ้าของห้องมองร่างนั้นอย่างอ่อนโยน หัวใจของเขาเต้นแรงและเร็วราวเร่งเร้าบางสิ่งที่อยู่ภายใน 

      “นายจะรู้ไหมว่าที่ฉันดีกับนายขนาดนี้เป็นเพราะอะไร” รามกล่าวเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้าง มือลูบไล้ใบหน้าของเพื่อนช้าๆ 

      “ฉันชอบนายนะ! ชอบมานานมากแล้ว!” รามเอ่ย ใบหน้าของเขาขยับเข้าใกล้ฮายาเตะขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นของของมึนเมานั้นโชยขึ้น เร่งให้อารมณ์ที่อยู่ภายในแทบจะระเบิดออกมา แต่ขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกันนั้นเอง 

      “ซ…ซาโลเม่!” ฮายาเตะละเมอออกมา คำพูดสั้นๆนั้นกลับมีพลังที่ทำให้สติสัมปชัญญะของรามหวนคืนมา ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งทันที หัวใจที่เต้นแรงราวมันจะระเบิดออกมานั้นกลับเจ็บแปลบแบบคนที่พลาดหวัง 

      “ฉันคงได้แค่ แอบชอบนายเท่านั้นซินะ” รามหันกลับไปยิ้มกับฮายาเตะที่นอนแผ่บนเตียง รอยยิ้มที่แสนเศร้าปรากฏบนใบหน้าของราม ชายหนุ่มเจ้าของห้องลุกขึ้นไปตักน้ำเพื่อที่จะมาเช็ดตัวให้กับเพื่อนของเขา เพื่อนที่เขารักมากที่สุด 
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      เช้ารุ่งขึ้น ฮายาเตะตื่นขึ้นในห้องพักของราม ชายหนุ่มมองไปรอบห้องอย่างงุนงงจนกระทั่งสายตาไปสะดุดอยู่กับร่างของเพื่อนสนิทที่นอนอยู่บนโซฟา 

      “ราม! ราม!” ฮายาเตะร้องเรียกเพื่อน หัวสมองของเขาปวดราวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ้าของห้องสะลึมสะลือ ลืมตาตื่นขึ้น 

      “นายนอนพักไปอีกหน่อยเถอะ!” รามงัวเงียพูดออกไป 

      “ไม่ล่ะ! ผมจะกลับบ้านแล้ว” ชายหนุ่มบนเตียงปฏิเสธที่จะพัก เขาดีดตัวลงจากเตียงแม้จะซวนเซเล็กน้อยก็ตาม 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ขณะเดียวกัน หน้าบ้านหลังเล็กๆ หญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงคนหนึ่งยืนรีรออยู่ที่หน้าประตูบ้าน จนเจ้าของบ้านสงสัย 

      “ใครน่ะ!” เจ้าของบ้านตะโกนถามออกไป ก่อนที่จะเดินออกมาหา
       
      “ค…คือ…ส…สวัสดีค่ะ!” นักร้องสาวกล่าวอย่างประหม่า หญิงเจ้าของบ้านรับไหว้ 

      “เข้ามาก่อนซิจ๊ะ!หนูซาโลเม่!” หญิงสูงอายุเชื้อเชิญหญิงสาวให้เข้าไปในบ้าน เธอก้าวตามไปอย่างว่าง่าย
      ภายในห้องนอนของลูกชายหญิงเจ้าของบ้าน มีรูปการแสดงของซาโลเม่ติดไว้รอบห้อง คนในภาพมองดูทุกสิ่งภายในนั้นอย่างตื่นตา 

      “นี่เขา…” เธออุทานออกมาเบาๆ 

      “น้าไม่รู้หรอกนะว่าหนูสำคัญกับฮายาเตะยังไง! แต่เห็นเขาก็ซ้อมเต้นมาโดยตลอด 6 ปีที่เราย้ายบ้านไป!” หญิงสูงวัยยกเอาน้ำหวานและขนมมารับรอง 


      “แต่น้าก็เห็นว่าเขาตั้งใจจริงมาตลอด! เพื่อหนู!” แม่ของฮายาเตะกล่าวเบาๆ ซาโลเม่นิ่งคิดพลางมองสำรวจรอบๆห้องอีกครา 

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “แล้วแวะมาอีกนะจ๊ะ!” แม่ของฮายาเตะล่ำลาซาโลเม่ หญิงสาวยกมือไหว้อย่างสวยงาม นักร้องสาวได้คำตอบของคำถามที่ค้างคาในใจแล้ว จู่ๆเสียงแตรรถก็ดังขึ้น 

      “ซาโลเม่!” เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอออกมาจากบุคคลภายในรถ ชายหนุ่มลูกครึ่งรีบเปิดประตูวิ่งไปหาทันที แต่ด้วยอารามตกใจ นักร้องสาวกลับหมุนตัววิ่งหนี ฮายาเตะเองก็วิ่งตามไม่ลดละ 

      “ซาโลเม่! ฟังผมก่อนได้ไหม!” ฮายาเตะตะโกนเรียก หญิงสาวจึงหยุดก่อนจะหันไปมองชายหนุ่ม จนเธอไม่รู้สึกถึงรถอีกคันที่วิ่งสวนมาอย่างเร็ว
       
      “ซาโลเม่!!!” ฮายาเตะตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ร่างกายของเขาพุ่งออกไปทันที 
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “โครม!!!”
       
      “ฮายาเตะ!!!” ซาโลเม่เรียกชื่อออกมาด้วยความตกใจ ชายหนุ่มกระโจนผลักร่างของเธอออกไปจนตัวเขาเองนั้นโดนชนแทน ร่างของฮายาเตะแน่นิ่งกลางพื้นถนน ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้พบเห็น 

      “ใครก็ได้ตามรถพยาบาลมาที!” นักร้องสาวกรีดร้องเธอก้มลงกอดร่างของชายหนุ่มไว้แนบอก 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ภายในห้อง ICU ชายหนุ่มนอนนิ่งอยู่บนเตียง สายยางและท่อช่วยชีวิตพันกันระโยงระยางเหนือตัวของชายหนุ่ม ซาโลเม่,ราม และ แม่ของฮายาเตะนั้น เฝ้ารอหน้าห้องด้วยความกังวลใจ จวบจนกระทั่ง แพทย์เดินออกมาจากห้อง
       
      “คุณหมอคะ! ลูกชายชั้น!” 

      “เขาพ้นขีดอันตรายแล้วครับ! แต่ว่า…” ผู้เป็นแพทย์กล่าวช้าๆ 

      “แต่ว่าอะไรครับ” รามเองก็ร้อนรนไม่แพ้กันถามออกมาทันที 

      “สมองของเขาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก! เกรงว่าเขาอาจจะต้องเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อย่างนี้ต่อไป” ขาดคำของหมอ หญิงสูงวัยผู้เป็นแม่แทบสิ้นสติ เธอล้มลงกับพื้นเพราะความสะเทือนใจ โดยมีรามพุ่งเข้าไปรับตัวของนางไว้ทัน ส่วนซาโลเม่นั้นได้แต่นั่งนิ่ง น้ำตาใสๆราวไข่มุกเม็ดงามไหลริน 
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      หลายวันผ่านไป นักร้องสาวได้แต่ขังตัวเองไว้ในห้องยกเลิกงานทั้งหมด เฝ้านึกถึงอดีตและคำสัญญาที่มีให้กัน นึกถึงวันที่เธอและชายหนุ่มหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง
       
      “ฉันขอโทษ! ฮายาเตะ!” ซาโลเม่พึมพำเธอได้แต่นั่งนิ่งดูราวกับว่าจิตใจของเธอนั้นจมลงไปกับความมืดมิดเสียแล้ว

      ”หากไม่มีเธอ! ฉันเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเดินต่อไปบนทางเส้นนี้แล้ว!” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ ความคิดหนึ่งก็ผ่านเข้ามา เธอตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาราเมศทันที 

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “เธอมั่นใจนะว่าต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้” รามหรือราเมศเอ่ยกับหลังจากที่ได้ล่วงรู้ความคิดของเพื่อนสาวแต่ซาโลเม่กับยิ้มแทนคำตอบ 

      “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเธอล่ะนะ!” รามปล่อยเลยตามเลย หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา 

      “ขอบใจนะ!ขอบใจที่เธอเข้าใจฉันนะ” ซาโลเม่กล่าวน้ำตาแห่งความตื้นตันก็ไหลออกมา
       
      “เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งเลยนะ” 
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ในอีกไม่กี่วันต่อมา หญิงสาวนั่งอยู่ในห้องแต่งตัว เธออยู่นิ่งๆให้ช่างแต่งหน้าบรรจงบรรเลงสีสันบนใบหน้าที่ดูหมองเศร้าของเธอ ในใจของเธอยังหวนนึกถึงภาพในวัยเยาว์ คำพูดของมารดาของฮายาเตะและคำสัญญาที่ให้ไว้ด้วยกันกับคนที่สำคัญของเธอหวนคืนสู่มโนภาพ 

      “สัญญาตอนนั้นผูกมัดเธอเอาไว้แบบนี้เหรอ!” เธอรำพันในใจจนกระทั่ง ...

      “ซาโลเม่จ๊ะ! ได้เวลาเข้ากล้องแล้วจ๊ะ!” 

      “ขอบคุณค่ะ!” เธอตอบรับเสียงเรียกของผู้จัดรายการวาไรตี้ชื่อดัง หญิงสาวลุกขึ้นช้าๆและเดินอย่างมั่นคงออกไปจากห้องเพื่อเข้าสู่สตูดิโอถ่ายทำ 

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “แขกรับเชิญของเราในวันนี้! ขอเชิญพบกับนักร้องสาวขวัญใจวัยรุ่น ซาโลเม่ โจเซฟิน เทวะสถิต ครับ!” พิธีกรรายการกล่าวเปิดรายการพร้อมเปิดตัวแขกรับเชิญ ทางด้านซาโลเม่เองนั้นก็ก้าวออกไปด้วยท่าทางและสีหน้าที่ยิ้มแย้มซึ่งผิดกับในใจของเธอขณะนี้เหลือเกิน 

      “ได้ข่าวว่าจะสร้างอาคารสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเต้นหรือคะ” พิธีกรหญิงที่ดำเนินรายการร่วมยิงคำถามทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการทักทายตามมารยาท นักร้องสาวพยักหน้าเล็กน้อยกับคำถามนั้น 

      “ใช่ค่ะ! Audition Music Hall” นักร้องสาวเอ่ยออกมา 

      “ฉันตั้งใจจะให้เป็นสถานที่สำหรับผู้ที่รักดนตรีและการแสดงค่ะ!” 

      “แล้วที่นี่มีอะไรพิเศษเหรอครับ!” พิธีกรชายถามขึ้น
       
      “ค่ะ! เราจะสร้างห้องไว้สำหรับทุกคนเพื่อใช้ในการฝึกซ้อม ซึ่งจะมีระบบ Computer ที่จะคอยให้คะแนนทุกคนที่เต้นแข่งกันในห้องนั้น แล้วเราจะมีการจัดอันดับให้ด้วยค่ะ!” หญิงสาวตอบฉะฉาน
       

      “ผู้ที่มีอันดับสูงสุดในแต่ละเดือน เราก็มีของรางวัลให้ด้วยนะคะ” “แล้วไม่ทราบว่าจะเปิดให้บริการเมื่อไหร่เหรอคะ!” พิธีกรยิงคำถามต่อ

      ”ก็เร็วๆนี้ค่ะ!” 

      “แล้วเรื่องของค่าใช้จ่ายล่ะครับ!” 

      “ไม่ต้องเสียอะไรทั้งนั้นค่ะ” หญิงสาวตอบออกมาทันทีแววตาแน่วแน่และจริงจัง 

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ระหว่างที่การแพร่ภาพของรายการนั้นเองทางโรงพยาบาลก็เกิดเรื่องชุลมุนขึ้น เมื่อผู้ป่วยที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองจนกลายเป็นเจ้าชายนิทราคนหนึ่งนั้นได้มีอาการตอบสนอง ผู้เป็นมารดาถึงกับปล่อยโฮออกมาด้วยความดีใจ ในขณะที่แพทย์เจ้าของไข้เองก็แทบไม่เชื่อสายตา 

      “ป…ปาฏิหาริย์” 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      หลายเดือนผ่านไป ในที่สุด วันที่ Audition Music Hall เปิดตัวออกสู่สาธารณะ ผู้คนมากมายมาร่วมกิจกรรม งานดำเนินไปด้วยความสนุกสนานและเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ที่มาร่วมงาน จนถึง ยามเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่จะเป็นการแสดงคอนเสริท ของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของHall แห่งนี้ เสียงกรี๊ดด้วยความชื่นชมและชื่นชอบดังไปทั่วลาน
       
      “ขอบคุณค่ะ!ขอบคุณที่มาร่วมงานเปิดตัว Audition Music Hallแห่งนี้” ซาโลเม่กล่าวออกไมค์หลังจากที่เพลงจบลงในยามค่ำ คำขอบคุณที่มาจากหัวใจนั้นเรียกเสียงโห่ร้องกรี๊ดกร๊าดจากแฟนเพลงได้เป็นอย่างดี
       
      “ที่จริงที่แห่งนี้ ฉันต้องการสร้างเพื่อคนสำคัญคนหนึ่ง” เธอเอ่ยขึ้นมา ทำให้ลานทั้งลานที่เคยเต็มไปด้วยเสียงเอะอะนั้นเงียบลงได้อย่างประหลาด 

      “คนสำคัญคนนั้นกับฉันผูกพันกันด้วยคำสัญญาที่มีมาตั้งแต่เด็ก” น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือเล็กน้อย ในตอนนี้สิ่งที่เธอนึกถึงคือใบหน้าของฮายาเตะเท่านั้น 

      “แต่ตอนนี้ทั้งฉันและเขาไม่สามารถที่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ด้วยกันได้! ฉันอยากจะขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า…”ทั่วทั้งลานเงียบกริบโดยทันที 

      “…ฉันจะขอแขวนไมค์ในวันนี้” สิ้นคำประกาศของหญิงสาวแฟนเพลงทุกคนถึงกับนิ่งอึ้งกันทุกคน 

      “เพลงต่อไปจะเป็นเพลงสุดท้ายของฉันแล้วนะคะ! เพลงนี้เพื่อนของฉันที่ชื่อว่า ราเมศซื้อลิขสิทธิ์เพลง Loving You ของSo Eun Lee จากเกาหลี และนำมาปรับเป็นภาษาไทยค่ะ! ขอบคุณนะคะที่เป็นกำลังใจให้ฉันตลอดมา” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตา ดนตรีช้าๆเริ่มบรรเลง 

      “แทนใจและความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมีต่อเธอนะ…ฮายาเตะ!” นักร้องสาวรำพึงในใจ 
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ตั้งแต่วันที่เราพบกัน เป็นเวลาผ่านมาก็หลายปี
      มีสัญญา ระหว่างกัน แต่เธอก็มาห่างฉันไป
      ไม่มีวันใดที่ฉันไม่คิด… …ถึงสัญญาที่เธอให้ไว้
      รอคอยวันเวลาที่จะได้พบเธอ
      เฝ้ารอคอยถึงเธอร่ำไป แม้ตัวเธอจะโกหกฉัน
      แต่ใจของฉันมันสั่นและหวั่นไหว เฝ้ารอเธอกล้าจะบอกความจริง
      ในวันนี้ฉันไม่สนแล้ว เพราะในใจมีแต่ตัวเธอ
      เฝ้าคอยเพียรเรียกหาความรักและความจริงใจ….จากเธอ
      เพราะว่าฉัน ได้รู้ว่า หากขาดเธอฉันจะอยู่เพื่อใคร
      ใครคนไหนจะมาแทนเธอ ฉันรู้ว่าไม่มีทางทำได้
      เพราะว่าฉัน ได้รู้ว่า ใจของฉันไม่มีที่พอ
      ให้ใครๆได้เข้ามาได้ มีเพียงแต่เธอเท่านั้น เพราะฉันรักเธอ

      เมื่อท่อนแรกจบลง ฝูงชนต่างนิ่งงัน ร่างของนักร้องสาวสั่นไหว น้ำตาทุกคนไหลออกมาอย่างประหลาด เพลงสุดท้ายช่างมีมนตร์ขลังนัก ผู้ที่ได้ฟังทุกคนต่างรู้สึกถึงความในใจของซาโลเม่ เมื่อเสียงเพลงบรรเลงเบาลงเป็นสัญญาณของเนื้อร้องท่อนต่อมากำลังจะขึ้น หญิงสาวยกไมค์ขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา

      (ตั้งแต่วันที่เราจากกัน ฉันไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก )

      เสียงชายหนุ่มดังลอดออกมาจากลำโพง เสียงที่สามารถทำให้หญิงสาวบนเวทีชะงัก “เสียงนี้…”นักร้องสาวคิด น้ำตาพยายามปิดบังก็ไหลรินออกมาเป็นสาย

      (เพราะสัญญา เมื่อครานั้น ฉันยังไม่อาจทำได้ )

      ร่างของเจ้าของเสียงเดินออกมาจากหลังเวที เป็นร่างที่นักร้องสาวบนเวทีนั้นคิดถึงมาตลอด หญิงสาวโผเข้าสวมกอดเจ้าของเสียงทันที ใบหน้าของเธอซบลงกับแผ่นอกของชายหนุ่มแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่เกรงสายตา ในขณะที่ตัวของชายหนุ่มเองยังคงร้องเพลงต่อไป มือข้างที่ว่างอยู่โอบหญิงสาวให้แน่นยิ่งขึ้น

      ฉันได้แต่คอยพยายาม หาหนทางให้มันเป็นจริง
      ฉันก็เลยไม่กล้าที่จะบอกความจริง
      ความผิดนั้นฉันขอรับโทษ แม้รู้ว่ามันเกินอภัย
      แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้รู้ คือฉันนั้นสำนึกผิดเรื่อยมา
      เหตุต่างๆจะคอยพิสูจน์ ความในใจที่ยังไม่รู้
      ว่าฉันนั้นก็รักเธอมากและกลัวจะต้อง…ปวดร้าว
      เพราะว่าฉัน ได้รู้ว่า ไม่มีสิ่งไหนสำคัญเท่าเธอ
      พยายามทำตามสัญญา แม้เหนื่อยยากไปซักเพียงไร
      เพราะว่าฉัน ได้รู้ว่า ตัวเธอนั้นเจ็บปวดเท่าไหร่
      และฉันขอยอมรับความผิดทั้งปวง เพื่อให้เธอได้รับรู้ ว่าฉันรักเธอ 

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      สิ้นเสียงร้องของฮายาเตะ ดนตรีก็บรรเลงทำนองพร้อมเสียงร้องภาษาเกาหลีอันเป็นเนื้อร้องเดิม ชายหนุ่มลูบหัวหญิงสาวเบาๆ 

      “คนบ้า! บ้าที่สุด!ทำไมชอบหลอกกัน! ทำไมต้องแกล้งกันแบบนี้ด้วย!” ซาโลเม่พร่ำต่อว่าชายหนุ่มที่นิ่งเงียบ เขายิ้มรับพร้อมกอดหญิงสาวด้วยความอ่อนโยน
       
      “ตอนนี้ผมทำตามสัญญาของเราได้แล้วนะซาโลเม่! ผมทำสำเร็จแล้วนะ!” ฮายาเตะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
       
      “หากท่อนที่เธอร้องนั้นแทนใจของเธอ ท่อนที่ผมร้องก็แทนใจทั้งหมดของผม” ฮายาเตะเอ่ย ซาโลเม่เองก็ถึงกับนิ่งไปกับคำพูดของเขา
       
      “ผมขอใช้เพลงนี้เป็นสัญญาครั้งใหม่ระหว่างเรานะ!” พูดจบเขาก็จุมพิตบนเรือนผมของนักร้องสาวท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มาชม 

      “ท่อนสุดท้ายจะมาแล้วล่ะ!” 

      ”อืม!” นักร้องสาวตอบรับ หัวใจของเธอที่เต็มไปด้วยความเศร้าบัดนี้มันจางหายไปแล้ว พร้อมที่จะรับสัญญาด้วยบทเพลงของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอ ทั้งสองยกไมค์ขึ้นจรดปาก ร้องท่อนสุดท้ายด้วยใจ

      (เพราะฉันรักเธอ )

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ทันทีที่เพลงจบฝูงชนโห่ร้องยินดี ทั้งฮายาเตะและซาโลเม่โค้งรับฝูงชน
       
      “ในสัญญาครั้งนี้ผมจะไม่ห่างจากคุณไปไหนอีกแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยกับหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะยกไมค์ขึ้นอีกครั้ง
       
      “การประกาศแขวนไมค์ของซาโลเม่ ถือว่าเป็นโมฆะ ทางสังกัดได้จัดเตรียมการออกชุดใหม่เอาไว้แล้วครับ” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ฝูงชนที่เป็นแฟนเพลงต่างตื่นเต้นกับข่าวชุดใหม่ ทั้งหมดรู้สึกเสียดายหากนักร้องขวัญใจต้องจากไปด้วยความเศร้าเช่นนี้ ฮายาเตะและซาโลเม่มองตาซึ่งกันและกัน มันเป็นดวงตาที่เปี่ยมรักและอุดมสุข และมันจะเป็นอย่างนี้ ตลอดไป 


      “สัญญานะ…เพราะฉันรักเธอ”

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องนะครับ แค่อยากคุย

      แหะ เรื่องสั้นเรื่องนี้ที่จริงจะให้มันเป็นเรื่องยาวนะเนี่ย แต่มันก็ต้องปรับกันนิดหน่อย เพราะคิดเนื้อเรื่องไม่ออก ความยาวก็มากว่าที่ตกลงไว้นิดนึงด้วย แย่จังเลย ก็เลยเอาเพลงที่แปลง (แปลงนะ ไม่ใช่แปล)มาจาก Loving You ของSo Eun Lee จากเกม Audition ออกมาเป็นตัวชูโรงสุดท้าย ร้องได้จริงนะ อิอิ ว่าแต่จะมีใครจะบ้าเอาAudition มาเล่นแบบเราบ้างเนี่ย T_T

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×